ข้อควรรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ฉีดฟิลเลอร์อันตรายไหม

การฉีดฟิลเลอร์ นับเป็นหัตถการยอดฮิตในการดูแลผิว เพื่อเติมเต็มผิวให้อวบอิ่ม เรียบเนียน แบบง่าย ๆ และรวดเร็ว เมื่อเราอายุมากขึ้นคอลลาเจนใต้ผิวหนังของเราย่อมเสื่อมสภาพลง ทำให้ความชุ่มชื้นของผิวหายไป อีกทั้งยังเกิดร่องลึกจนต้องใช้ตัวช่วยจากการฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งเป็นนวัตกรรมความงามที่ใช้เวลาน้อย และไม่ต้องผ่าตัดให้เจ็บตัว ช่วยให้เรากลับมามีความมั่นใจในการใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้น หลายคนจึงให้ความสนใจ แต่อาจยังไม่มั่นใจว่า จะปลอดภัยจริงหรือเปล่า หรือมีผลข้างเคียงที่อันตรายหรือไม่ วันนี้เราจะมาตอบข้อสงสัยให้ทุกคนเข้าใจง่าย ๆ กันค่ะ

มาทำความรู้จักกับการฉีดฟิลเลอร์

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ฟิลเลอร์ เป็นสารเติมเต็มประเภทของไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid หรือ HA) ที่มีลักษณะคล้ายเจล โดยสร้างเลียนแบบให้เหมือนสารใต้ผิวหนัง และสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ เพื่อช่วยเติมเต็มชั้นไขมันบนใบหน้า ทำให้แก้ปัญหาร่องลึกบนใบหน้าให้ตื้นขึ้นภายในเวลาที่รวดเร็ว อีกทั้งยังช่วยฟื้นฟูคอลลาเจนใต้ผิวหนังให้มีความยกกระชับ เต่งตึง และดูสุขภาพดีมากยิ่งขึ้น

 

โดยการฉีดฟิลเลอร์จะอยู่ได้นานประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ฉีดและยี่ห้อที่เลือกใช้ โดยยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ได้รับการยอมรับจาก อย. มีหลายยี่ห้อ เช่น Juvederm จากประเทศสหรัฐอเมริกา Restylane จากประเทศสวีเดน Neuramis จากประเทศเกาหลีใต้ Belotero จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ Perfectha Filler จากประเทศฝรั่งเศส ทุกยี่ห้อล้วนมีจุดเด่นและสูตรที่ต่างกัน ซึ่งบางชนิดมีส่วนผสมของยาชาเพื่อช่วยลดการเจ็บปวดบริเวณที่ฉีด บางชนิดมีความยืดหยุ่นสูงควรฉีดบริเวณใต้ตาและริมผีปาก หรือบางชนิดมีความคงตัวได้ดีจึงนิยมฉีดบริเวณคาง ซึ่งต้องให้คุณหมอผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ประเมินว่า ในแต่ละตำแหน่งนั้นเหมาะกับยี่ห้อใด แต่ทุกยี่ห้อที่กล่าวมาปลอดภัยอย่างแน่นอน เพราะล้วนเป็นฟิลเลอร์ที่ผ่าน อย. แล้วทั้งสิ้น

 

การฉีดฟิลเลอร์แบ่งออกเป็น 3 ชนิดด้วยกัน ดังนี้

  1. แบบชั่วคราว (Temporary filler) นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย เพราะสามารถสลายได้เอง ซึ่งก็คือ ฟิลเลอร์ที่เป็นสารประเภทของไฮยาลูโรนิก แอซิด นั่นเอง
  2. แบบกึ่งชั่วคราว (Semi Permanent filler) มีความปลอดภัยน้อยกว่าและไม่เป็นที่นิยมเท่าฟิลเลอร์แบบชั่วคราว เพราะไม่สามารถสลายเองได้หมดและมีผลข้างเคียงมากกว่า
  3. แบบถาวร (Permanent Filler) เป็นฟิลเลอร์ที่ไม่ผ่าน อย. และไม่สามารถสลายได้เอง อีกทั้งยังมีผลข้างเคียงในระยะยาว จนต้องผ่าตัดหรือขูดฟิลเลอร์ออกเท่านั้น จึงไม่แนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์ชนิดนี้

ประโยชน์ของการฉีดฟิลเลอร์

เมื่อเรารู้จักกับฟิลเลอร์มากขึ้นแล้ว ลองมาดูประโยชน์ของการฉีดฟิลเลอร์กันบ้างว่า จะตอบโจทย์กับปัญหาของเราหรือเปล่า โดยเริ่มจาก

  1. แก้ไขปัญหาร่องลึกบนใบหน้าที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงตามสภาพอายุ ให้ดูอ่อนเยาว์ ชุ่มชื้น เต่งตึง ซึ่งส่วนใหญ่จะนิยมฉีดบริเวณหน้าผาก ขมับ ใต้ตา และร่องมุมปาก
  2. ปรับโครงสร้างหรือเติมรูปหน้าให้ได้สัดส่วนที่ถูกใจ โดยนิยมฉีดให้สวยงามตามเทรนด์ หรือช่วยเสริมโหงวเฮ้ง เช่น บริเวณแก้ม จมูก ริมฝีปาก คาง
  3. ช่วยให้ผิวหน้ามีความกระชับ อิ่มฟู สดใส ดูสุขภาพดี

โดยบางตำแหน่งที่ฉีดฟิลเลอร์นั้น อาจเห็นผลได้อย่างชัดเจนหลังฉีดเสร็จทันที แต่บางตำแหน่งอาจใช้เวลานานกว่าประมาณ 1-2 สัปดาห์หลังฉีด แต่ถือว่า ได้เห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็วและไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้นนาน

ฉีดฟิลเลอร์ อันตรายหรือไม่ ?

หลายคนอยากสวย อยากหล่อ แต่จะมีคำถามที่ยังค้างคาใจเสมอว่า การฉีดฟิลเลอร์อันตรายหรือไม่ ? วันนี้เราจะมาช่วยไขข้อข้องใจให้หลาย ๆ คนกันครับ

 

Q : ฉีดฟิลเลอร์ อันตรายหรือไม่ ?

A : ฟิลเลอร์นั้นเป็นสารชนิดหนึ่ง ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาจากประเทศสหรัฐอเมริกา (The United States Food and Drug Administration หรือ US FDA) ว่า เป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่มีความปลอดภัยสูง สามารถสลายได้เอง โดยไม่มีสารตกค้างในร่างกาย ปัจจุบันเป็นที่นิยมใช้ในวงการการแพทย์และความงามเป็นอย่างมาก

 

Q : ฉีดฟิลเลอร์ ปลอดภัยจริงหรือ ?

A : หากฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่รู้เทคนิค จะสามารถประเมินปัญหาและวิเคราะห์ตำแหน่งที่ฉีดได้ถูกต้อง ย่อมไม่ก่อให้เกิดอันตราย แต่ถ้าฉีดฟิลเลอร์กับหมอเถื่อน หรือที่หลายคนคุ้นหูว่า หมอกระเป๋า อาจเกิดอันตรายได้สูง เพราะการฉีดในแต่ละตำแหน่งบนใบหน้าต้องใช้ทักษะ ความชำนาญเฉพาะด้าน และวิเคราะห์ปริมาณฟิลเลอร์ที่ฉีดด้วยความแม่นยำ อีกทั้งยังเสี่ยงต่อการติดเชื้อจากอุปกรณ์ที่ฉีดและสถานที่ที่ไม่สะอาดอีกด้วย และสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ต้องไม่ฉีดด้วยฟิลเลอร์ปลอมเด็ดขาด เพราะจะทำให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง ไม่ว่าจะเกิดการอักเสบ ติดเชื้อ ทำให้ใบหน้าบิดเบี้ยวผิดรูป จนกระทั่งเสี่ยงต่อตาบอด และอาจเสียชีวิตได้

 

Q : เราสามารถตรวจสอบการฉีดฟิลเลอร์ได้อย่างไรว่า ฟิลเลอร์ที่ฉีดเป็นของแท้หรือของปลอม ?

A : เราสามารถสังเกตจากราคาก่อนเป็นอันดับแรก โดยให้ตั้งข้อสันนิษฐานว่า ถ้าฟิลเลอร์ที่มีราคาถูกมากเกินไปอาจจะเป็นของปลอม เพราะฟิลเลอร์แท้มีราคาที่ค่อนข้างสูง ต่อมาให้ตรวจสอบกล่องฟิลเลอร์ที่ต้องผนึกอย่างเรียบร้อย ไม่ถูกแกะก่อนนำมาฉีด มียี่ห้อและเลขทะเบียน อย. รับรอง มีเลขล็อตสินค้าข้างกล่องชัดเจน โดยภายในกล่องต้องมีเอกสารกำกับภาษาไทยบรรจุอยู่ด้วย

การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์

หลังจากฉีดฟิลเลอร์แล้ว อาจเกิดอาการข้างเคียงตามมาเล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็นอาการบวม ตึง หรือปวดบริเวณที่ฉีด นอกจากนี้ อาจเกิดรอยแดงและรอยเขียวช้ำจากเข็ม แต่สบายใจได้เลยว่า อาการข้างเคียงเหล่านี้จะค่อย ๆ หายไปเองใน 1-2 สัปดาห์หลังฉีด ดังนั้น เราจึงต้องรู้วิธีดูแลตัวเองเพื่อไม่ให้เกิดการกระตุ้นและระคายเคืองมากกว่าเดิม ที่สำคัญยังช่วยให้ฟิลเลอร์คงรูปและคงทน โดยปฏิบัติง่าย ๆ ตามนี้

  1. งดนวดหรือเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีดอย่างแรง เพราะอาจทำให้ยาเลื่อนตำแหน่งได้
  2. งดยาแอสไพริน น้ำมันพริมโรส วิตามินอี และวิตามินเค เพราะยาและวิตามินเหล่านี้ล้วนเป็นตัวการสำคัญที่กระตุ้นให้เลือดออกและเกิดรอยช้ำได้ง่าย
  3. งดแอลกอฮอล์อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพราะแอลกอฮอล์ทำให้หลอดเลือดขยายตัวจนต้องสูบฉีดมากขึ้น จนเกิดอาการบวมหรืออักเสบ อีกทั้งความร้อนของแอลกอฮอล์อาจทำให้ฟิลเลอร์ออกฤทธิ์ได้น้อยกว่าที่ควร
  4. ควรดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อย 8 แก้ว หรือ 2 ลิตรต่อวัน เนื่องจากฟิลเลอร์เป็นสารอุ้มน้ำ เมื่อเราดื่มน้ำในปริมาณมาก บริเวณที่ฉีดจะดูอิ่มฟู เต่งตึง และเป็นรูปทรงที่สวยงาม
  5. หลีกเลี่ยงการโดนแดดหรือได้รับความร้อนโดยตรง เช่น การทำเลเซอร์ อาบน้ำอุ่น ซาวน่า เล่นโยคะร้อน เพราะความร้อนเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ฟิลเลอร์สลายได้เร็วกว่าปกติ
  6. งดออกกำลังกายอย่างรุนแรง 1-2 วันหลังฉีด เพื่อลดการบวมแดงหรืออักเสบในบริเวณที่ฉีด
  7. ไม่นอนตะแคงหรือคว่ำหน้า เพราะจะทำให้เกิดการกดทับจนฟิลเลอร์ที่ฉีดเปลี่ยนรูป

หลังฉีดฟิลเลอร์ควรปฏิบัติตามที่กล่าวมานี้อย่างเคร่งครัด เพื่อลดการเกิดผลข้างเคียงและช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานยิ่งขึ้น แต่หากปฏิบัติตามแล้ว ยังมีอาการบวมช้ำ นูนเป็นก้อน หรือเป็นผื่นแดง ควรรีบกลับมาที่คลินิกที่ฉีด คุณหมอจะได้ช่วยเหลือและแก้ไขได้ทันท่วงที โดยต้องระวังเรื่องการครีมด้วยความเบามือและใช้วิธีเลือกซื้อ ครีมลดริ้วรอยให้หน้าเด็ก เหมาะกับคนแต่ละวัย เพื่อลดปัญหาหน้าบวบช้ำที่ตามมานั่นเอง

เห็นไหมครับว่า หากเราทำความรู้จักฟิลเลอร์อย่างละเอียด ก็ไม่ได้น่ากลัวหรือเป็นอันตรายอย่างที่คิด หากอยากสวย อยากหล่อทั้งทีก็ต้องศึกษาข้อมูลกันหน่อย ที่สำคัญไม่ควรคำนึงเพียงแค่เรื่องราคาเท่านั้น แต่ควรคำนึงถึงคุณภาพเป็นหลัก จะได้สวย หล่ออย่างปลอดภัย แล้วอย่าลืมดูแลตัวเองตามคำแนะนำ จะช่วยทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ไม่ควรฉีดครั้งเดียวในปริมาณมากจนเกินไป ทั้งนี้เพื่อผลลัพธ์ที่สวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ

Leave a Reply

    0
    ตะกร้าของคุณ
    ตะกร้าของคุณว่างอยู่กลับสู่ร้านค้า
    Scroll to Top

    Discover more from Celvita Thailand

    Subscribe now to keep reading and get access to the full archive.

    Continue reading