วิธีแก้หน้าแก่ แค่เริ่มต้นจากการปรับพฤติกรรม
ไม่ว่าใครต่างก็อยากมีใบหน้าสดใส มองแล้วหน้าอ่อนกว่าวัย ในทางตรงข้ามย่อมไม่อยากโดนแซวว่าแก่แน่ ๆ ซึ่งเรื่องจริงที่เกิดขึ้นคนส่วนใหญ่มักแก้ปัญหาจากปลายเหตุ เช่น การเข้าคอร์สทำหน้าราคาแพง ทั้งทีความจริงแค่คุณปรับพฤติกรรมของตนเองในบางเรื่องก็ช่วยให้ดูดีขึ้นได้แบบทันตาเห็น ใครกำลังสงสัยว่าวิธีแก้หน้าแก่ต้องทำอย่างไรบ้าง ลองสังเกตชีวิตประจำวันหรือสิ่งที่ทำอยู่ประจำแล้วปรับตามนี้กันได้เลย
ปรับพฤติกรรมเหล่านี้ถือเป็นวิธีแก้หน้าแก่ที่ได้ผลดีเยี่ยม
1. เลิกการสูบบุหรี่แบบถาวร
ใครก็รู้ว่าบุหรี่เป็นสิ่งไม่ดี ภายในบุหรี่ 1 มวน เต็มไปด้วยสารทำร้ายร่างกายเกิน 200 ชนิด ซึ่งผลเสียไม่ใช่แค่เรื่องสุขภาพภายในเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับผิวพรรณโดยตรง เพราะจะขัดขวางการสร้างคอลลาเจน การไหลเวียนของเลือด สังเกตง่ายมากคนที่สูบบุหรี่จัด หรือสูบมาเป็นเวลานานผิวหนังมักเหี่ยวย่นง่าย ใบหน้ามีริ้วรอย เกิดความหมองคล้ำ ดูโทรมอย่างเห็นได้ชัด ถ้าอยากหน้าเด็กลงแนะนำให้เลิกบุหรี่ตั้งแต่วันนี้ก็ยังไม่สายเกินไปนัก
2. ลดปริมาณหรือเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์
คงมีหลายคนเป็นสายปาร์ตี้ หลงใหลในการดื่มสังสรรค์ทั้งกับเพื่อนฝูง หรือเดิมคนเดียวแบบชิล ๆ แก้เหนื่อยก็ตาม แต่รู้หรือไม่ในเครื่องดื่มเหล่านี้นอกจากทำให้คุณปัสสาวะบ่อยครั้ง ร่างกายจึงสูญเสียน้ำมากกว่าปกติ ส่งผลให้เกิดริ้วรอย ความเหี่ยวย่น และความหมองคล้ำได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม แถมเชื่อว่าคนจำนวนไม่น้อยเมื่อดื่มแล้วก็มักกินอาหารไม่เลือก ไม่ใส่ใจสุขภาพ บวกกับนอนดึก ทุกอย่างมันควบรวมทำให้ใบหน้าเสียหายเร็วกว่าที่คิด ดังนั้นวิธีแก้หน้าแก่แนะนำให้ลดการดื่มลงทั้งเรื่องปริมาณและความถี่
3. ลดการกินของหวาน น้ำอัดลม และน้ำหวานลง
รู้หรือไม่? หากคนเราได้รับปริมาณน้ำตาลมากเกินความพอดี โปรตีนภายในร่างกายจะมีการจับตัวกับน้ำตาลเหล่านั้นและเกิดปฏิกิริยาไกลเคชั่น ผลลัพธ์คือมีการผลิต “สารเร่งแก่” หรือ Advanced Glycation End Products (AGEs) ตรงนี้เองเป็นเหตุผลสำคัญที่คอลลาเจนถูกขัดขวางไม่ได้ผลิตออกมาเพื่อดูแลผิวพรรณ ร่างกายขาดความยืดหยุ่น สารอนุมูลอิสระมีเยอะ ท้ายที่สุดก็นำมาซึ่งริ้วรอย ความเหี่ยวย่น แถมยังเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยด้วยโรคต่าง ๆ อีกด้วย ไม่ต้องแปลกใจใครติดหวานพออายุเริ่มเยอะมักตั้งคำถามกับตัวเองเสมอว่า “มีคนทักว่าหน้าแก่ ทำไงดี?” ก็เริ่มจากหยุดกินหวานก่อนเลย จากนั้นลองหันมาใส่ใจกับอาหารที่มีสาร Dermaval และ Collagen ให้มากขึ้น เช่น ปลาทะเลน้ำลึก หน่อไม้ฝรั่ง เชอร์รี่ มังคุด บล็อกโคลี่ จะทำให้ผิวได้รับการดูแลและยืดเทโลเมียร์ให้ยาวขึ้นกว่าเดิม ชะลอวัย ไร้ความเหี่ยวย่น
4. หยุดการแสดงอารมณ์ด้วยสีหน้า
วิธีแก้หน้าแก่ที่หากมองตามหลักทฤษฎีเป็นเรื่องง่ายมาก แต่ภาคปฏิบัติต้องยอมรับว่ามันกลายเป็นความเคยชินของแต่ละคนไปเรียบร้อย นั่นคือ การแสดงอารมณ์ด้วยสีหน้า ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์เครียด กดดัน วิตกกังวล มีความสุข ซึ่งจริง ๆ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องผิดแต่มันมักทำให้คุณเกิดรอยเหี่ยวย่นได้ง่ายมาก เช่น เวลาเครียดแล้วชอบทำหน้าคิ้วชนกัน บริเวณหัวคิ้วทั้ง 2 ข้าง และหน้าผากจะถูกใช้แรงดึงรั้งฝืนธรรมชาติ เมื่อทำบ่อยผิวหนังจึงเกิดความเคยชิ้น นำมาสู่ร่องรอยไม่พึงประสงค์นั่นเอง
5. เลิกนิสัยการเท้าคางเสียที
อีกพฤติกรรมที่หลายคนมักทำแบบไม่รู้ตัวนั่นคือการ “เท้าคาง” เวลานั่งอยู่กับโต๊ะ ไม่ว่าจะเป็นระหว่างทำงาน กินข้าว นั่งดูซีรี่ย์บนหน้าจอคอม นั่งฟังการประชุม หรืออื่นใดก็ตาม เพราะทุกครั้งที่คุณเท้าคางสิ่งแรกเลยคือ มือของคุณเต็มไปด้วยสิ่งสกปรก เชื้อโรค แบคทีเรียต่าง ๆ อันล้วนแต่สร้างความหมองคล้ำให้กับผิวหน้าทั้งสิ้น ต่อมาเวลาคนเราเท้าคางบริเวณแก้มจะถูกดันผิวหนังถูกฝืนจากปกติ หากทำแบบนี้บ่อย ๆ ย่อมสร้างริ้วรอยให้กับใบหน้าในแบบที่ทุกคนอาจไม่รู้ตัว ดังนั้นถ้าสงสัยว่าทำอย่างไรให้ดูไม่แก่ เลิกพฤติกรรมนี้ด่วนเลย
6. ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอในแต่ละวัน
ปกติแล้วใน 1 วัน ควรดื่มน้ำสะอาดให้ได้ประมาณ 8-10 แก้ว หรือราว 2 ลิตร แต่คนส่วนใหญ่มักไม่รู้ตัวว่าตนเองดื่มน้อยมาก อาจเพราะนิสัยไม่ค่อยดื่มอยู่แล้ว หรือยุ่งมากจนแทบไม่มีเวลาทำภารกิจส่วนตัวใด ๆ เลย ปัญหาที่พบคือเมื่อดื่มน้ำน้อยทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น แห้งกร้านง่าย ผลลัพธ์ที่ตามมาย่อมหนีไม่พ้นความเหี่ยวย่น ริ้วรอยก่อนวัยอันควร ไปจนถึงความหมองคล้ำ ผิวซีด ดูไม่น่ามอง วิธีแก้หน้าแก่อันแสนง่ายดายที่สุดคุณลองซื้อขวดน้ำขนาดประมาณ 2 ลิตร แล้วใส่น้ำให้เต็มไว้เลย จากนั้นทุกวันต้องดื่มจนหมด ช่วยได้จริง
ทั้งหมดนี้ถือเป็นวิธีแก้หน้าแก่ที่ง่ายดายมาก เพียงแค่เริ่มจากการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตของตนเองใหม่ แม้บางคนอาจมองว่ามันเหมือนเปลี่ยนตัวตนไปเลย แต่ถ้าคุณอยากหน้าเด็กลง ไม่ต้องการให้ใครแซว พร้อมเพิ่มความมั่นใจในการทำสิ่งต่าง ๆ อีกครั้ง ก็ต้องกล้าที่จะเปลี่ยนสิ่งที่คุ้นเคยหรือทำมานาน ผลลัพธ์ที่ได้มันคุ้มค่ากว่าแบบไม่ต้องมีข้อสงสัยอื่นใดเลยด้วยซ้ำ

